โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ความหวังใหม่แต่หน้าเก่า เชลซี กับการฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ความหวังใหม่แต่หน้าเก่า เชลซี กับการฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ของกองหน้าชาวฝรั่งเศษ


หากใครได้ติดตามสถานการณ์การปรับทัพของ เชลซี ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา คงจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการย้ายทีมของหัวหอกหมายเลข 18 อย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เข้าหูกันมาบ้าง

ซึ่งในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาหลาย ๆ อย่างมันเอื้อให้แฟนบอลบางคนอาจจะคิดว่าอดีตหัวหอกของ อาร์เซนอล รายนี้ คงจะหมดอนาคตในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ภายใต้การคุมทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ไปแล้วเป็นแน่

นับตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลที่กุนซือหนุ่ม ซุเปอร์แฟรงค์ เลือกที่จะไว้ใจ แทมมี อับราฮัม ยืนเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าให้กับ สิงโตน้ำเงินคราม ชนิดที่ลงเหมาแทบจะทุกรายการจนไม่เหลือพื้นที่ให้กับหัวหอกตัวเก๋าชาวฝรั่งเศสได้โอกาสลงไปพิสูจน์ตัวเองบ้างเลยโดยเฉพาะในช่วงเดือน ธันวาคม และ มกราคม ที่เขาแทบไม่มีชื่อติดทีมแม้แต่บนม้านั่งสำรอง !

ด้วยวัย 33 ปี บวกกับการที่สัญญาฉบับเดิมกำลังจะหมดหลังจบฤดูกาลนี้ ทำให้มีข่าวลือเป็นระยะเกี่ยวกับการที่สโมสรเตรียมจะโละเขาออกจากทีมเพราะไม่ต้องการจะเสียตัวไปแบบฟรี ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่เจ้าตัวมีข่าวย้ายสังกัดชนิดอิรุงตุงนังจนเกือบจะได้ย้ายไปร่วมทีม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ อยู่แล้วในช่วงวันสุดท้ายของตลาด

แต่ในที่สุดมันก็ไม่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นทำให้ ชิรูด์ ต้องอยู่สู้ต่อไป แต่ขณะเดียวกันแฟน ๆ สิงห์บลู ส่วนใหญ่คงจะคิดตรง ๆ กันว่าหลังจบซีซั่นนี้ ยังไงซะก็คงได้แยกย้ายทางใครทางมันอย่างแน่นอน

แต่ก็ไม่รู้ว่าโชคยังดี หรืออะไรดลบันดาล หลังจากตลาดซื้อขายนักเตะเมื่อต้นปีปิดตัวลง แทมมี อับราฮัม ที่ขณะนั้นฟอร์มดูจะดร็อปลงไปพอสมควร รวมถึงดันมาได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตัดสินใจให้โอกาส ชิรูด์ ได้กลับมาลงสนามพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

เริ่มจากลงเป็นตัวสำรอง ในเกมที่เปิดบ้านพ่าย แมนฯ ยูไนเต็ด 0-2 และลงเป็นตัวจริงในเกมที่เอาชนะ สเปอร์ส ไปได้ 2-1 ซึ่งเขาเป็นผู้ทำประตูแรกให้กับทีมได้ ซึ่งนับเป็นประตูแรงของเขาใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้และเป็นประตูที่สองที่เขายิงให้กะบ สิงโตน้ำเงินคราม ในฤดูกาลนี้ นับตั้งแต่การยิงใส่ ลิเวอร์พูล ในเกม ยูฟ่า ซุเปอร์คัพ เมื่อช่วงต้นฤดูกาล

จนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไป 7 นัดแล้วที่ เชลซี กลับมาลงเล่นในเกมลีกหลังจากหยุดยาวตั้งแต่กลางเดือนมีนาคนที่ผ่านมา ซึ่ง ณ เวลานี้ ชิรูด์ คือนักเตะที่ยิงประตูให้กับทีมมากที่สุดหากนับตั้งแต่เริ่ม โปรเจ็ครีสตาร์ท (4 ประตู เทียบเท่ากับ วิลเลียน)

แถมฟอร์มการเล่นยังดูฝากผีฝากไข้ได้มากกว่า แทมมี เสียอีก และจากเหตุผลทั้งหมดทั้งปวงที่ได้กล่าวไปนี้เอง ที่ทำให้อนาคตในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของเขาอาจกลับมาสดใสขึ้นอีกครั้ง แต่อย่างไรซะ ยังเหลืออีก 4 เกมสำคัญรวมทุกรายการที่ทีมยังต้องลงเล่น และทุกนัดล้วนแต่มีความหมายสุด ๆ

ทั้ง เกม เอฟเอ คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้ายสุดสัปดาห์นี้ที่จะพบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เกม พรีเมียร์ลีก 2 นัดที่เหลือที่ต้องคว้าชัยมาให้ไเ้หากต้องการรั้งตำแหน่งท็อป 4 เอาไว้โดยจะต้องพบกับงานหนักอย่าง

ลิเวอร์พูล และ วูล์ฟแฮมป์ตัน ปิดท้ายด้วยเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดที่ 2 กับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ ทัพเสือใต้ เป็นต่อพวกเขาอยู่ถึง 3 ประตู...

ต้องบอกเลยว่าหากเกมที่เหลือที่ได้กล่าวไปทั้งหมดนั้น เขายังรักษามาตรฐานแบบนี้เอาไว้ได้และสามารถพาทีมสร้างปาฏิหาริย์ได้สำเร็จขึ้นมาละก็ นั่นเท่ากับว่า โอลิวิเยร์ ชิรูด์ จะสามารถกลับมาแจ้งเกิด

ได้อย่างเต็มภาคภูมิอีกครั้งในวัย 33 ปี และนั่นอาจจะช่วยให้ เชลซี ไม่จำเป็นต้องมองหาหัวหอกคนใหม่เข้ามาให้เปลืองเงินไปเปล่า ๆ ในช่วงซัมเมอร์นี้เลยก็เป็นได้

ติดตามอัพเดทข่าวของ  เชลซี  ได้เป็นประจำทุกวันที่นี้


ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โชเซ่ มูรินโญ่ โวสนั่นกลยุทธ์เยี่ยมปราบเลสเตอร์

แฟนบอลเฮ! สื่อผู้ดีเผย พรีเมียร์ลีก กำหนดคืนสนาม 8 มิ.ย.